หวัดนกห่าไก่ทำผมเจ๊ง ผมเลี้ยงไก่มา 8 – 9 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย ไก่เนื้อของผมมีเกือบ ห้าหมื่นตัว ต้องถูกกลบฝัง ฆ่าทิ้งทำลายหมด คราวนี้ผมหมดตัวแน่ๆ คุณหมอช่วยดูดวงให้ทีว่าผมจะเป็นยังไงต่อไป จะไปรอดหรือเปล่า แขกดูหมอรายนี้มาแต่เช้า แล้วก็มานั่งปรับทุกข์ให้ฟัง ซึ่งก็ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับผู้เลี้ยงไก่ทั้งหลาย ที่ต้องเสียหายขาดทุนกับภัยวิบัติครั้งนี้ และเป็นครั้งที่ร้ายแรงมากๆ เพราะมันสร้างความเสียหายไปเกือบทั้งประเทศ ใครมีอาชีพเลี้ยงไก่ ไม่ว่าจะเป็นไก่เนื้อ ไก่ไข่ ก็ถือว่าโชคร้าย มีเคราะห์กรรมร่วมกัน และดูเหมือนจะรุกลามไปถึงไก่ชนด้วย เรามาดูลายมือของคนกลุ่มนี้กันว่า เขามีเครื่องหมายอะไรหรือที่ทำให้ต้องเสียหายขาดทุนเช่นนี้ คนที่ทำธุระกิจหรือลงทุนทำมาค้าขายอะไรก็ตาม ถ้าเส้นวาสนาของคนนั้นมีรูปเกาะเกิดขึ้นที่เส้นนี้แล้ว บ่งถึงจะมีปัญหามีอุปสรรค์ จนทำให้ขาดทุนเสียหาย ไม่ว่ารูปเกาะนั้นจะไปเกิดที่ต้นเส้น กลางเส้นหรือปลายเส้นก็ตาม ต่างเสียหายเช่นกัน จะแตกต่างกันที่ ระยะเวลาที่จะเกิดเหตุ หรือจะเกิดเรื่องเสียหายขาดทุนเมื่ออายุเท่าไร? เครื่องหมายอีกชนิดหนึ่งคือเส้นตัดขวาง ถ้าเส้นวาสนาของคนนั้นมีเส้นมาตัดขวาง บ่งถึงจะมีอุปสรรคในเรื่องของการค้าการลงทุน อย่างเช่นในลายมือของคนเลี้ยงไก่รายนี้ ให้ดูที่เส้นวาสนาในมือขวา จะเห็นว่ามีเส้นขวางมาตัดเส้นวาสนา จนเส้นวาสนาได้ขาดออกจากกัน เรื่องนี้ถือว่ารุนแรงมาก เพราะถ้าเส้นวาสนาได้ขาดจากกันแล้ว เปรียบเสมือนเส้นทางเดินของชะตาชีวิตได้ชะงักหยุดนิ่งไปด้วย แต่ไม่ใช่ชะตาชีวิตได้สิ้นสุดลง แต่หมายถึงการดำเนินชีวิตที่เคยทำอยู่นั้นได้สิ้นสุดลง เช่นเคยเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ก็ต้องหยุดเลี้ยง เมื่อได้ตรวจดูเครื่องหมายและเส้นต่างของเขาแล้ว จึงปลอบใจเขาว่า ตอนนี้ต้องหยุดในเรื่องของการลงทุนก่อน ไม่ว่าจะคิดไปทำอะไรก็ตาม [...]

นี่หรือชีวิต ปี ๒๕๔๐ เป็นปีที่ย่ำแย่เสียหาย ของกลุ่มพ่อค้านายทุน ที่ไปเอาเงินทองจากแบงค์มาทำกินความล่มจมเสียหาย ที่เห็นเป็นตึกสูงระฟ้า ตลอดจนตึกรามบ้านช่องที่สร้างไม่เสร็จ ยังเป็นหลักฐานให้เห็นอยู่ทุกวันนี้ เห็นแล้วก็น่าเศร้าใจ และภาพมือที่นำมาให้ศึกษากันในวันนี้ ก็เป็นผู้ที่มีชะตาชีวิตที่ยุ่งยากคนหนึ่งของเหตุการณ์ในครั้งนั้น ภาพมือคนนี้เคยเป็นพ่อค้าเจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้าส่งออก ที่เคยรุ่งเรืองใหญ่โตในอดีต พอมาสมัยนายกฯชาติชาย เศรษฐกิจดีเงินทองสะพัด ดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นถึง ๑๕% ตอนนั้นใครมีเงินฝากแบงค์ ก็กินดอกสบายไป ที่ทางขายดีเป็นว่าเล่น นักค้าที่ร่ำรวยเป็นเศษฐีกันในช่วงนี้ รวมไปถึงนายหน้าที่ดินพลอยได้อนิสงส์กลายเป็นคนรวยในพริบตา  พ่อค้ารายนี้ เห็นเขาค้าที่ดินแล้วร่ำรวย ก็เอากับเขาบ้าง คืออยากรวยตามนิสัยของพ่อค้านายทุน ที่มีเงินเท่าไรก็ไม่พอ เลยก็เอาเงินการค้าเข้าไปซื้อ ช่วงแรกก็มีกำไรมากโขอยู่ ก็ยิ่งได้ใจ เข้ากว้านซื้อใหญ่ ซื้อจนเงินหมดแค่นั้นยังไม่พอ เพราะตอนนั้นที่ดินกำลังบูมมาก ผู้คนเมื่อเจอกันต่างถามกันว่ามีที่ดินจะขายไหม เมื่อเถ้าแก่เงินไม่มีก็เอาโฉนดไปจำนองแบงค์ เพื่อเอาเงินออกมาซื้อที่อีก!? พ่อค้ารายนี้เล่าว่า “ขายที่ดินแปลงเดียว กำไรตั้ง ๑๐ ล้าน ดีกว่าส่งเสื้อผ้า เดือนหนึ่งได้แค่ ล้านเดียว ตอนนั้นคิดว่าดวงกำลังขึ้น น้ำขึ้นให้รีบตัก จึงซื้อที่จนเงินหมด ” และเมื่อถึงปี ๒๕๔๐ ปีที่เศษฐกิจตกต่ำของเมืองไทย พ่อค้ารายนี้ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่พลอยต้องรับเคราะห์ร่วมชะตากรรมที่เลวร้ายครั้งนั้นด้วย ก็เจ็งเรียบร้อยตามทรัสท์ทั้งหลายที่ต้องม้วนเสื่อหนีไปเมืองนอก  เรามาดูภาพมือกันว่าพ่อค้ารายนี้ [...]